ดูหนังออนไลน์

การป้องกันโควิก 19 ภัยอันตรายที่ร้ายแรงถึงชีวิต

นับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมกราคม 2020 เรื่อยมาปัญหาหนึ่งที่จัดว่าเป็นอันตรายร้ายแรงต่อคนทั่วโลกนั้นก็คือหายนะจากการแพร่กระจายของโรคระบาดไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ที่เรียกกันว่าโควิก 19 เป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เชื่อกันว่าแรกเริ่มเดิมทีนั้นอยู่ในสัตว์นั่นก็คือค้างคาวกระจายมายังมนุษย์จากนั้นก็แพร่กระจายต่อไปจากคนสู่คน ดูจากอาการของผู้ป่วยนั้นจะมีลักษณะที่ค่อนข้างจะสังเกตได้ยากเนื่องจากขายไข้หวัดธรรมดาโดยเริ่มจากการมีไข้ มีอาการไอ มีน้ำมูก จากนั้นก็มีอาการเหนื่อยหอบอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆโดยเฉพาะอาการปอดอักเสบ
สถานการณ์ในภาพรวม
จากข้อมูลในวันที่ 5 มีนาคม 2563 พบว่ามีผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิก 19 ทั่วโลก 95,477 คน เป็นคนจากประเทศจีน 80,409 คน และเป็นคนจากประเทศต่าง ๆ 15,038 คน รักษาหาย 52,060 คน เสียชีวิตไปแล้ว 3,012 ราย ในประเทศไทยนั้นมีผู้ป่วยทั้งสิ้น 43 คน รักษาหาย 31 คน เสียชีวิต 1 คน ที่น่าเป็นห่วงก็คือในทวีปยุโรป โดยเฉพาะในอิตาลีที่อาจไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าเชื้อไวรัสจะระบาดหนักจนยอดคนป่วยทะลุ ไปถึง 3089 คน รักษาหาย 107 คน เสียชีวิตไป 276 คน แซงหน้าไทยที่เคยเป็นประเทศที่ไวรัสระบาดมากเป็นอันดับ 2 ในช่วงแรกของการระบาดแบบน่ากลัวมากเทียบกันแล้วอิตาลีมีผู้ป่วยมากกว่าหายเท่า ในบทความนี้เราจึงขอนำข้อแนะนำการป้องกันโรคติดต่อดังกล่าวมานำเสนอให้ท่านได้ศึกษาและยึดถือปฏิบัติการดังต่อไปนี้
1.ล้างมือให้สะอาดเข้าไว้
บางคนสำคัญผิดว่าสวมหน้ากากอนามัยแล้วจะสามารถป้องกันได้ 100% ในความคิดนั้นเอาสิ่งที่มีโอกาสสัมผัสกับลูกได้มากที่สุดนั่นก็คือมือของเรา เพราะจะต้องยึดจับสิ่งต่างๆในชีวิตประจำวัน ไว้และเผลอไปสัมผัส ดวงตา ริมฝีปาก ซึ่งจะเป็นช่องทางให้เชื้อโรคเข้าไปในร่างกาย หรือแม้แต่การใช้มือสัมผัสและการในด้านที่หันออกข้างนอกที่เชื้อโรคอาจจะถูกกรองและติดอยู่ด้านนอกหน้ากากอนามัยทำให้เชื้อโรคติดมากับมือของเรา ไม่ทันไปหยิบจับอาหารรับประทานเข้าสู่ร่างกายก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่เชื้อโรคจะเข้าในร่างกายได้ วิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้นั่นก็คือการล้างมือทำความสะอาดให้สะอาดอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นกรดสูงมากอาจมีส่วนหน้ากากแล้วก็ตาม เท่าที่จะมีโอกาสทำได้จะเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยลดโอกาสติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่นี้
2.สวมหน้ากากให้ถูกวิธี
การสวมหน้ากากที่ถูกวิธีนั้นจะต้องสวมหน้ากากให้ปิดมิดทั้งจมูกและปากโดยวางให้ขอบที่มีรวดอยู่ด้านบนสันจมูกจากนั้นหันด้านที่มีสีเข้มหันออกด้านนอก ควรสำรวจดูว่าท่านสวมหน้ากากอนามัยป้องกันโรคให้เรียบร้อยก่อนออกจากบ้านแล้วหรือไม่ หน้ากากอนามัยนอกจากจะป้องกันโอกาสในการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าแล้วยังช่วยในการป้องกันไม่ให้ร่างกายได้รับฝุ่น PM 2.5 เข้าไปอีกด้วยเกิดประโยชน์สองอย่างเลยทีเดียว
3.การดูแลหน้ากากที่ใช้แล้ว
หน้ากากอนามัยในปัจจุบันกำลังเป็น 2 ชนิดนั้นก็คือแบบที่ทำด้วยกระดาษซึ่งแบบนี้ควร
เปลี่ยนวันละครั้งและเมื่อใช้แล้วควรจะทิ้งลงในขณะที่มีฝาปิดมิดชิดไม่ให้มีลมพัดทำให้หน้า
กากแพร่กระจายเชื้อโรคได้ อีกประเภทหนึ่งนั่นก็คือหน้ากากที่ทำมาจากผ้าหน้ากากอนามัย
ชนิดนี้ถือว่าดีกว่าชุดแรกเพราะสามารถซักแล้วนำกลับมาใช้ใหม่ได้หากแต่ควรจะไปผึ่งแดดให้แห้ง ให้ความร้อนจากแสงแดดฆ่าเชื่อโรคที่ติดอยู่กับผ้าเสียก่อนแล้วจึงนำกลับมาใช้ได้อีก
4.ห้ามใช้หน้ากากอนามัยที่ชำรุด
หากหน้ากากอนามัยของท่านเกิดการชำรุดเสียหายอย่างหนึ่งอย่างใด ไม่ควรจะไปเสียดายมันให้ทิ้งเสียแล้วหาหน้ากากอนามัยชิ้นใหม่มาสวมใส่แทน เสียหายเพียงนิดเดียวอาจจะเป็นช่องทางให้เชื้อไวรัสเข้ามาสู่ร่างกายท่านได้
5.ล้างมือหลังสัมผัสสิ่งของ
นอกจากการล้างมือให้บ่อยๆเท่าที่โอกาสจะอำนวยแล้ว ก็ควรจะทำการล้างมือด้วยน้ำและสบู่หรือเป็นเจลล้างเมืองที่มีประสิทธิภาพฆ่าเชื้อโรคได้ ภายหลังจากการไอจามและสั่งน้ำมูก รวมทั้งการสัมผัสที่สาธารณะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปุ่มกดลิฟท์ ลูกบิดประตู โดยเฉพาะราวจับในรถเมล์และรถไฟเป็นต้น
6.ข้อปฏิบัติสำหรับผู้ที่เดินทางไปสถานที่เสี่ยง
สำหรับผู้ที่มีเหตุจำเป็นและพึ่งเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยงหรือกลุ่มประเทศที่เสี่ยงและมีการแพร่กระจายของไวรัสโคโรนาหรือโควิก 19 อยู่ในขณะนี้หากรู้สึกว่ามีไข้มีน้ำมูก มีอาการเหนื่อยหอบ ให้รีบไปพบแพทย์พร้อมแจ้งประวัติอย่างตรงไปตรงมาว่าตัวเองเดินไปยังประเทศกลุ่มเสี่ยงมาเพื่อจะได้ทำการตรวจสอบร่างกายและรักษาได้อย่างทันท่วงที
7.การกักตนป้องกันการแพร่กระจายไวรัสโคโรน่า
นอกจากการเดินทางไปพบแพทย์อย่างทันท่วงทีแล้วนอกจากจะห่วงตัวเองท่านก็ควรจะต้องห่วงคนอื่นและคนรอบข้างด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้ตนเองที่เสี่ยงจะติดเชื้อไวรัสดังกล่าวทำการแพร่กระจายเชื้อไวรัสออกไปยังบุคคลอื่น หากเดินทางไปยังพื้นที่หรือประเทศที่มีความเสี่ยงแล้วควรจะพักผ่อนอยู่กับบ้านและงดเดินทางออกไปไหนมาไหน โดยเฉพาะในที่สาธารณะที่มีคนพลุกพล่าน ทำการปิดปากและจมูกด้วยกระดาษทิชชูในทันที ทุกครั้งที่มีอาการไอหรือจามเพื่อป้องกันไวรัสแพร่กระจายไปทางอากาศ กระดาษทิชชูที่ใช้แล้วให้ทิ้งขยะปิดฝาให้เรียบร้อย ใช้น้ำยาทำความสะอาดเชื้อโรคสิ่งของต่างๆที่เป็นสัมผัสเป็นประจำอยู่เสมอไม่ให้บุคคลอื่นมาสัมผัสด้วย